สวัสดีค่ะทุกคน กลับมาพบกับแอดมินนูเซสต์กันอีกแล้วนะคะ บทความนี้เราก็ยังจะไม่มูฟออนจากเรื่องโพรไบโอติกค่ะ ในบทความที่ผ่านมาเราได้พูดถึงความสำคัญ ประโยชน์ของ โพรไบโอติก พรีไบโอติกกันไปแล้ว ถ้าหากใครที่ยังไม่ได้เข้าไปอ่าน คลิกได้ที่ลิ้งค์นี้เลยนะคะ โพรไบโอติกคืออะไร ส่วนในบทความนี้ แอดมินอยากจะพาทุกคนไปลงลึกในเรื่องของปริมาณโพรไบโอติกที่ควรทาน ต้องทานมาแค่ไหนถึงจะเห็นผลดี และสิ่งที่ควรรู้ก่อนเริ่มทานโพรไบโอติกมาฝากให้ทุกคนด้วย จะต้องทานยังไง? มีอะไรที่ต้องระวังบ้าง? ไปดูกันค่ะ
สุขภาพดีด้วย โพรไบโอติก พรีไบโอติก
- โพรไบโอติกจุลินทรีย์ดีที่อยู่ในร่างกาย มีประโยชน์ต่อร่างกายในหลายๆด้าน มีความสามารถในการจับผิวของเยื่อบุลำไส้และผลิตสารต่อต้าน หรือคอยกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ชนิดไม่ดี ช่วยให้ลำไส้ของเราแข็งแรง และถ้าหากร่างกายเรามีปริมาณโพรไบโอติกที่เหมาะสม เพียงพอ ยิ่งจะส่งผลให้ร่างกายของเราทำงานได้อย่างสมดุล กระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย ให้มีสุขภาพที่ดี ลดการเกิดโรค ไม่ป่วยง่าย โพรไบโอติกจะมีอยู่ในอาหารหมักดองที่ดีบางชนิด เช่น ข้าวหมาก กิมจิ เทมเป้ นัตโตะ ถั่วเน่าแบบไทยๆ แหนมเห็ด เป็นต้น
- พรีไบโอติก พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ อาหารของโพรไบโอติกนั่นเองค่ะ ตัวพรีไบโอติก ร่างกายของเราจะไม่สามารถย่อยและดูดซึมได้ แต่จะถูกย่อยและดูดซึมจากโพรไบโอติกค่ะ
ควรทานโพรไบโอติกปริมาณเท่าไหร่ ถึงจะดี?
ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน คือ 1 พันล้าน – 1 หมื่นล้านตัว (CFU) การกินโพรไบโอติกให้เห็นผลดี และชัดเจนที่สุด ควรที่จะทานคู่กับพรีไบโอติกค่ะ เนื่องจากการที่โพรไบโอติกจะทำงานได้ดี มันต้องได้รับอาหารอย่างพรีไบโอติก เพื่อให้ตัวของมันมีแรงไปต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆนั้นเอง โดยโพรไบโอติก + พรีไบโอติก รวมตัวกันแล้ว จะถูกเรียกว่า ซินไบโอติก (Synbiotic)
ควรทานโพรไบโอติกตอนไหน?
ในการกินโพรไบโอติกควรกินตอนท้องว่างก่อนอาหาร หรือระหว่างมื้ออาหาร เนื่องจากโพรไบโอติกจะถูกทำลายด้วยน้ำย่อย แอลกอฮอล์ และในยาบางชนิด ในช่วงที่ท้องว่างกระเพาะจะมีความเป็นกรดต่ำ ตัวโพรไบโอติกจะถูกทำลายลดลงและมีโอกาสรอดชีวิตไปเจริญเติบโตได้ที่ลำไส้ใหญ่นั่นเองค่ะ
สิ่งที่ควรรู้ก่อนทาน โพรไบโอติก
- โพรไบโอติก ทุกเพศทุกวัยสามารถรับประทานได้
- สําหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มทานโพรไบโอติกในช่วงแรก อาจเกิดแก๊สในลําไส้ ท้องอืด ไม่สบายท้อง ปวดท้อง ถ่ายเหลวได้บ้าง ต้องค่อยๆ เริ่มทานทีละนิดนะคะ อย่าโหมเยอะในช่วงแรกๆ ค่ะ
- ผู้ที่ร่างกายอ่อนแอ, มีอาการป่วยรุนแรง,เพิ่งผ่านการผ่าตัด, มีโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น เพิ่งทําเคมีบําบัด ควรหลีกเลี่ยงการใช้โพรไบโอติก
- ผู้ที่ใช้ยาต้านเชื้อรา ควรงดโพรไบโอติก
- ผู้ที่มีอาการป่วยเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันควรปรึกษาแพทย์ก่อนทาน
จริงๆ แล้วในอาหารที่เรารับประทานอยู่ในชีวิตประจำวันก็มีโพรไบโอติกค่ะ เพียงแต่เราไม่สามารถชั่งตวงวัดได้ว่ามีปริมาณมากหรือน้อยเท่าไหร่? ไม่สามารถรู้ได้ว่าใน 1 วัน เราทานโพรไบโอติกครบตามที่ร่างกายเราต้องการหรือไม่? หรืออาจจะมากไปเกินกว่าความจำเป็น หากคุณอยากดูแลสุขภาพร่างกาย สุขภาพลำไส้ ด้วยโพรไบโอติก แอดมินขอแนะนำ Nuzest Greens Plus วิตามินรวมและสารอาหารเข้มข้นจากผักผลไม้และ adaptogens จากทั่วโลก แถมไปด้วยวิตามินรวม เกลือแร่ที่จำเป็น และแร่ธาตุ เพื่อเสริมสร้างสิ่งที่ร่างกายขาดหายจากการทานอาหารที่อาจไม่ดีพอ แถมมาพร้อมกับโพรไบโอติก 2 สายพันธ์ุ มีมากถึง 6 พันล้าน CFU เพื่อสุขภาพที่ดีของลำไส้ และอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระตัวช่วยชะลอความเสื่อมของวัย ชงดื่มง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก ตอบโจทย์ชีวิตที่วุ่นวายในปัจจุบัน สะดวก อร่อย ได้สารอาหารครบในช้อนเดียว และหากคุณอยากเติมโปรตีนดีๆ เพื่อการทำงานของร่างกายที่มีประสิทธิภาพสูงสุด แนะนำให้ทานคู่กับ Nuzest Pea Protein สกัดจากถั่วลันเตายุโรปสีทอง โปรตีนพืชลีนๆ จากธรรมชาติ 100%
สั่งซื้อสินค้าได้ที่ Nuzest Shop